สนใจลงโฆษณา โทร 076210624 หรือ Email: pr_studioline@hotmail.com Line ID: studioline93 ขอเพลง โทร 076216988 ,
       
 

12 เมนูขนมวันไหว้ เสริมความโชคดีมีชัยรับตรุษจีน สารทจีน

2018-08-21

วันสำคัญ ๆ สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนทั้งวันตรุษจีน และวันสารทจีน เหล่าบรรดาลูกหลานต่างต้องจัดแจงของไหว้ตรุษจีน สารทจีน มีทั้งอาหารคาวหวานและผลไม้ โดยเฉพาะขนมที่แม้จะมีขายแต่หาอร่อยถูกปากยากมาก ใครชอบเข้าครัวมาทำขนมไหว้เองดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมวันไหวตรุษจีนและสารทจีน ได้แก่ ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมปุยฝ้าย ขนมไข่ ขนมกุยช่าย ขนมเปี๊ยะ ซาลาเปา และหมั่นโถว บอกเลยว่าทำไม่ยาก อยากให้ลองทำดูจ้า

1. ขนมเข่ง

ขนมเข่งเป็นขนมไหว้ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับวันตรุษจีนและสารทจีน ใครอยากทำมาเตรียมแป้ง น้ำตาลปี๊บและมะพร้าวขูด ที่ขาดไม่ได้เลยคือกระทงขนมเข่ง

ส่วนผสม ขนมเข่ง
• แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
• น้ำ 1 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
• มะพร้าวขูด 300 กรัม
• กระทงขนมเข่ง
• น้ำมันพืช (สำหรับทากระทง)

วิธีทำขนมเข่ง
1. ทากระทงด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว เตรียมไว้
2. นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำจนแป้งนุ่ม จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บลงไปนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. ใส่มะพร้าวขูดลงคนผสมให้เข้ากัน ตักใส่กระทง ประมาณ 3/4 ของกระทง
4. วางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 30 นาที
5. ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ใช้กรรไกรตัดเจียนกระทงที่เกินออกให้พอดีกับขนม พร้อมเสิร์ฟ

เทคนิค : คนสมัยก่อนจะใช้วิธีการจุดธูปเพื่อจับเวลานึ่งขนม ใช้ธูปสำหรับไหว้พระ ขนาดยาว 1 ดอก พอธูปหมดแสดงว่าขนมเข่งสุกแล้ว

ดูวิธีทำ ขนมเข่ง เพิ่มเติมคลิก

2. ขนมเข่งข้าวเหนียวดำ

ขนมเข่งสีขาว ๆ ทำไหว้เจ้ามาหลายครั้ง ปีนี้เพิ่มความเก๋ด้วยการผสมแป้งข้าวเหนียวดำให้ไม่ซ้ำเดิมดีกว่า ขอนำเสนอขนมเข่งข้าวเหนียวดำ สูตรนี้ใส่มะพร้าวอ่อนและแปะก๊วย อร่อยเหนียวนุ่มทุกคำจริง ๆ

ส่วนผสม ขนมเข่งข้าวเหนียวดำ
• แป้งข้าวเหนียวขาว 400 กรัม
• แป้งข้าวเหนียวดำ 100 กรัม
• น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• น้ำมะพร้าว หรือน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
• มะพร้าวอ่อน 3 ลูก
• แปะก๊วย 200 กรัม
• น้ำมันพืชสำหรับทากระทง

วิธีทำขนมเข่งข้าวเหนียวดำ
1. นำกระทงใบตองแห้งล้างน้ำเปล่าให้สะอาด ทาน้ำมันพืชด้านใน เตรียมไว้
2. ใส่แป้งทั้งสองสีลงอ่างผสม ใส่น้ำตาลปี๊บกับเกลือ นวดพอเข้ากัน เติมน้ำมะพร้าว นวดจนน้ำตาลละลาย เติมเนื้อมะพร้าวอ่อน และแปะก๊วยลงไป นวดผสมให้เข้ากัน ตักส่วนผสมใส่กระทง
3. ตั้งชุดนึ่งพอน้ำเดือดจัด วางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง นึ่งประมาณ 30 นาที เช็กความสุกด้วยไม้จิ้มฟันจิ้มลงไป ถ้าแป้งไม่ติดขึ้นมาแสดงว่าแป้งสุก พักไว้จนเย็น

ดูวิธีทำ ขนมเข่งข้าวเหนียวดำ เพิ่มเติมคลิก

3. ขนมเข่งอัญชัน

ใครจะไปรู้ว่าน้ำดอกอัญชันจะเอามาทำขนมเข่งได้ด้วย พบกับเมนูขนมเข่งอัญชัน ความพิเศษคือแป้งใส่น้ำดอกอัญชันกับมะพร้าวขูด พอใส่กระทงนึ่งจนสุกสีสวยมากเลยค่ะ

ส่วนผสม ขนมเข่งอัญชัน
• แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
• น้ำเปล่าผสมน้ำดอกอัญชันคั้น 1 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
• มะพร้าวขูด 300 กรัม
• กระทงขนมเข่ง
• น้ำมันพืช (สำหรับทากระทง)

วิธีทำขนมเข่งอัญชัน
1. ทากระทงด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว เตรียมไว้
2. นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเปล่าผสมน้ำดอกอัญชันจนแป้งนุ่ม จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บลงไปนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. ใส่มะพร้าวขูดลงคนผสมให้เข้ากัน ตักใส่กระทง ประมาณ 3/4 ของกระทง
4. วางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 1/2 ชั่วโมง
5. ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ใช้กรรไกรตัดเจียนกระทงที่เกินออกให้พอดีกับขนม พร้อมเสิร์ฟ

ดูวิธีทำ ขนมเข่งอัญชัน เพิ่มเติมคลิก

4. ขนมเทียน

อีกเมนูของไหว้ตรุษจีน สารทจีนที่ต้องมาคู่กับขนมเข่งคือขนมเทียน สูตรนี้ใช้แป้งข้าวเหนียวดำมาพร้อมวิธีทำไส้ถั่วเค็มปรุงรสเผ็ดจากพริกไทย

ส่วนผสม แป้งขนมเทียน
• แป้งข้าวเหนียวดำ 1 กิโลกรัม
• น้ำตาลปี๊บ 200-300 กรัม
• ไส้ขนมเทียน
• ใบตองสำหรับห่อขนม

วิธีทำขนมเทียน
1. นำน้ำตาลปี๊บไปละลาย ใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนละลาย ปิดไฟแล้วพักทิ้งไว้จนเย็น
2. นวดผสมแป้งข้าวเหนียวดำกับน้ำตาลปี๊บที่ละลายไว้จนเข้ากันดี เตรียมไว้
3. จับใบตองให้เป็นทรงกรวย ใส่ไส้ที่ปั้นไว้ลงไป ตักส่วนผสมแป้งใส่ จากนั้นห่อให้สวยงาม เรียงลงในชุดนึ่ง
4. นำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน นึ่งนานประมาณ 30 นาทีหรือจนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง

ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ขนมเทียนไส้เค็ม)
• ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
• กระเทียม
• พริกไทย
• น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
• เกลือป่น (สำหรับปรุงรส)
• น้ำตาลทราย (สำหรับปรุงรส)

วิธีทำขนมเทียนไส้เค็ม
1. ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
2. โขลกกระเทียมกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม และเผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้

ดูวิธีทำ ขนมเทียน เพิ่มเติมคลิก

5. ขนมเทียนแก้ว

ขนมเทียนใส ๆ สุดแนวแบบนี้เรียกว่าขนมเทียนแก้ว ใครที่อยากทำแทนขนมเทียนทั่วไปจัดเลยค่ะ สูตรนี้ใช้แป้งถั่วเขียวทำให้เนื้อขนมใส เติมน้ำลอยดอกมะลิเพิ่มความหอม มาพร้อมวิธีทำไส้ขนมเทียนถั่วเค็ม

ส่วนผสม แป้งขนมเทียนแก้ว
• แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
• น้ำลอยดอกมะลิ (หรือน้ำผสมน้ำหอมกลิ่นมะลิ) 5 ถ้วย
• ใบตอง หรือกระทงใบตอง

ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ไส้เค็ม)
• ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
• หอมแดง
• พริกไทย
• น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
• เกลือป่น สำหรับปรุงรส
• น้ำตาลทราย สำหรับปรุงรส

วิธีทำแป้งขนมเทียนแก้ว
1. ใส่น้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกมะลิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
2. ผสมแป้งถั่วเขียวและน้ำลอยดอกมะลิให้เข้ากัน กรองด้วยตะแกรง จากนั้นเทใส่กระทะทองเหลือง ใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนส่วนผสมแป้งสุกและใส ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้จนอุ่น
3. ตักส่วนผสมแป้งลงในกรวยใบตอง ตามด้วยไส้ ห่อเป็นทรงสามเหลี่ยมให้สวยงาม หรือวางไส้ขนมลงในกระทงใบตอง ตามด้วยส่วนผสมแป้งขนม
4. เรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน นึ่งนานประมาณ 30 นาที หรือจนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง

วิธีทำไส้ขนมเทียน
1. ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
2. โขลกหอมแดงกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้

ดูวิธีทำ ขนมเทียนแก้ว เพิ่มเติมคลิก

6. ขนมปุยฝ้าย

สูตรจาก คุณ RinS Cook Book (#rinscookbook)

มาต่อกับขนมวันไหว้ตรุษจีน สารทจีนสีสวย ๆ นั่นคือ ขนมปุยฝ้าย สูตรนี้ใช้แป้งเค้ก เติมน้ำหอมกลิ่นมะลิ ใส่สีผสมอาหารตามชอบ อบเสร็จแล้วหน้าแตกนุ่มฟู

ส่วนผสม ขนมปุยฝ้าย
• แป้งเค้ก 2+1/2 ถ้วย (ประมาณ 300 กรัม)
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1+1/4 ถ้วย (หรือ 250 กรัม)
• น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง) 1 ถ้วย
• สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) 4 ช้อนชา
• นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำหอมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา (หรือกลิ่นนมแมว 2 หยด)
• สีผสมอาหาร (ตามชอบ)

วิธีทำขนมปุยฝ้าย
1. ร่อนแป้งเค้ก กับผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำลงในอ่างผสม จากนั้นป้ายสารเสริมคุณภาพบนหัวตีรูปตะกร้อ ตีผสมด้วยความเร็วสูง นานประมาณ 3-5 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็น 3 เท่า
3. ลดความเร็วเครื่องตีลง ใช้ความเร็วต่ำ จากนั้นค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปตีผสมจนหมด ปาดข้างอ่าง ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ค่อย ๆ เทนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำหอมกลิ่นมะลิ ตีต่อประมาณ 30 วินาที ปิดเครื่อง คลุมอ่างผสมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู
4. ใส่น้ำลงในชุดนึ่ง นำขึ้นตั้งไฟแรงจนน้ำเดือดจัด
5. เมื่อครบเวลา ใช้พายยางคนตะล่อมแป้งให้เข้ากันอีกครั้ง แบ่งแป้งผสมสีผสมอาหารตามชอบ เตรียมไว้
6. วางถ้วยกระดาษ (ถ้วยจีบ) ลงในพิมพ์อะลูมิเนียม ตักส่วนผสมแป้งใส่ประมาณ 3/4 พิมพ์ จากนั้นวางเรียงในชุดนึ่ง (โดยวางถ้วยให้ระยะห่างกันประมาณ 2 ซม. เพื่อให้ความร้อนกระจายขึ้นมาอย่างทั่วถึง) จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรง นานประมาณ 15 นาที นำออกจากชุดนึ่ง แกะขนมออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ

ดูวิธีทำ ขนมปุยฝ้าย เพิ่มเติมคลิก

7. ขนมปุยฝ้ายแตงโมและแก้วมังกร

สูตรจาก คุณ Rin's Cookbook (#Rinscookbook)

ใครเบื่อ ๆ ปุยฝ้ายหน้าตาซ้ำเดิมสำหรับไหว้เจ้าตรุษจีน สารทจีน ขอนำเสนอขนมปุยฝ้ายแตงโมและแก้วมังกร แม้ขั้นตอนการหยอดแป้งต้องผสมสีนู่นนี่นั่น แต่รับรองว่าอร่อยและหน้าตาดีเชี่ยวล่ะ

ส่วนผสม ขนมปุยฝ้าย
• แป้งเค้ก 2+1/2 ถ้วย (หรือ 300 กรัม)
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1+1/4 ถ้วย (หรือ 250 กรัม)
• น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง) 1 ถ้วย
• สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) 4 ช้อนชา
• นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
• กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา
• สีผสมอาหารสีแดงและสีเขียว
• งาดำคั่ว

วิธีทำแป้งขนมปุยฝ้าย (แป้งแบทเทอร์สีขาว)
1. ร่อนแป้งเค้ก กับผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำลงในอ่างผสม
3. จากนั้นป้ายสารเสริมคุณภาพบนหัวตีรูปตะกร้อ ตีผสมด้วยความเร็วสูง นานประมาณ 3-5 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็น 3 เท่า ลดเป็นความเร็วต่ำ จากนั้นค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปตีผสมจนหมด ปาดข้างอ่างแล้วตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
4. ค่อย ๆ เทนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำหอมกลิ่นมะลิ ตีต่อประมาณ 30 วินาที ปิดเครื่อง คลุมอ่างผสมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู

วิธีทำขนมปุยฝ้ายลายแก้วมังกร
1. ทำเนื้อแก้วมังกรสีขาว โดยแบ่งผสมแป้งแบทเทอร์สีขาว 2+1/2 ถ้วยตวง ใส่งาดำคั่วลงไปประมาณ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ (หรือมากกว่า) คนให้เข้ากัน พักไว้
2. ทำเปลือกแก้วมังกรสีชมพู โดยแบ่งแป้งแบทเทอร์สีขาว 3/4 ถ้วยตวง หยดสีชมพูหรือสีแดงลงไป ครั้งละ 5-6 หยด คนผสมจนเป็นสีชมพูเข้มตามต้องการ
3. วางถ้วยกระดาษลงในพิมพ์จีบ ตักส่วนผสมแป้งสีขาวผสมงาดำลงไปประมาณ 3/4 พิมพ์ (ประมาณ 90% ของถ้วย) จากนั้นเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศ
4. ตักแป้งสีชมพูทับแป้งสีขาวลงไปจนเต็มขอบกระดาษของพิมพ์ (อีก 10% ของถ้วย) (เพื่อขนมจะได้ขึ้นฟูสวยเต็มถ้วย) เกลี่ยให้ทั่ว เตรียมไว้

วิธีทำขนมปุยฝ้ายแตงโม
1. ทำเนื้อแตงโมสีแดง โดยใช้แบ่งแป้งแบทเทอร์สีขาว 2+1/2 ถ้วยตวง หยดสีแดงลงไปประมาณ 10 หยด คนผสมจนได้สีแดงตามต้องการ จากนั้นใส่งาดำคั่วลงไปประมาณ 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน พักไว้
2. ทำเปลือกแตงโมสีเขียว โดยผสมแป้งแบทเทอร์สีขาว 3/4 ถ้วยตวง ใส่สีผสมอาหารสีเขียวลงไป (ถ้าสีออกฟ้ามากใส่สีเหลืองลงไปผสมเล็กน้อย) ถ้าต้องการให้มีลายค่อย ๆ หยดสีเขียวลงไปเพิ่ม แต่อย่าคนผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว พยายามคนให้เป็นลาย ๆ
3. วางถ้วยกระดาษลงในพิมพ์จีบ ตักส่วนผสมแป้งสีแดงผสมงาดำลงไปประมาณ 3/4 พิมพ์ (ประมาณ 90% ของถ้วย) จากนั้นเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศ ตามด้วยแป้งสีขาวประมาณ 1 ช้อนชา เกลี่ยให้ทั่ว ต่อด้วยแป้งสีเขียวจนเต็มพิมพ์ เกลี่ยให้ทั่ว นำไปวางเรียงในชุดนึ่ง เตรียมไว้
4. ใส่น้ำลงในชุดนึ่ง นำขึ้นตั้งไฟแรงจนน้ำเดือดจัด ปิดฝาแล้วลดเป็นไฟกลางอ่อน นึ่งประมาณ 13-15 นาที นำออกจากชุดนึ่ง แกะขนมออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ

ดูวิธีทำ ขนมปุยฝ้ายแตงโมและแก้วมังกร เพิ่มเติมคลิก

8. ขนมไข่

สูตรจาก ครัวป้ามารายห์

ขนมไข่เป็นอีกขนมไหว้เจ้าเสริมสิริมงคล ไปหาซื้อพิมพ์ขนมไข่ทำเองเลยดีกว่า สูตรนี้ใส่กลิ่นวานิลลาเพิ่มความหอม ใครจะสอดไส้แยมลงไปก็ตามชอบนะคะ

ส่วนผสม ขนมไข่
• ไข่ไก่ 3 ฟอง (แยกไข่ขาว+ไข่แดง)
• ครีมออฟทาร์ทาร์ (หรือน้ำมะนาว) 1/2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 100-110 กรัม (สามารถลดหรือเพิ่มได้)
• กลิ่นวานิลลา
• น้ำเปล่า 1-2 ช้อนชา
• แป้งเค้กหรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 65 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
• เกลือป่นเกือบ ๆ 1/4 ช้อนชา หรือประมาณ 1/8 ช้อนชากว่า ๆ หรือถ้าไม่ชอบเค็มก็ใส่ประมาณ 1/8 ช้อนชา

วิธีทำขนมไข่
1. นำพิมพ์ขนมไข่ไปอุ่นในเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 180-190 องศาเซลเซียส
2. ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์หรือน้ำมะนาวลงไปตีพอเข้ากัน หลังจากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3-4 รอบ ตีจนเมอแรงค์ตั้งยอด (ในสูตรแยกไข่ตีเพราะมันขึ้นฟูเร็ว แต่สามารถตีไข่ทั้งฟองตามสูตรทั่วไปได้ ที่สำคัญคือ ต้องตีให้ฟู)
3. ทยอยใส่ไข่แดงลงไป ตามด้วยกลิ่นวานิลลาและน้ำเปล่า ตีจนฟู สังเกตจากการยกหัวตะกร้อขึ้น ถ้าส่วนผสมหยดลงและลอยบนผิวไม่จมลงถือว่าใช้ได้แล้ว
4. ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือป่นลงไป แล้วตะล่อมอย่างเบามือจนเข้ากัน (แบ่งร่อนสัก 2 รอบ) แล้วนำไปใส่ถุงบีบ ถ้าไม่มีถุงบีบก็ตักหยอดเอาก็ได้
5. นำพิมพ์ขนมไข่ออกจากเตา รีบทาไขมันและหยอดขนมตอนที่พิมพ์ยังร้อนอยู่ ถ้าพิมพ์เย็นจะทำให้ขนมติดพิมพ์ พอหยอดเสร็จก็นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180-190 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10-12 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ถ้าอยากให้กรอบนอกนุ่มในก็อบสัก 200-220 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 10-12 นาที พออบเสร็จรีบแซะขนมออก แล้วทาไขมัน หยอดขนมต่อจนหมดแป้ง

ดูวิธีทำ ขนมไข่ เพิ่มเติมคลิก

9. ซาลาเปา

สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 3128333 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ใครอยากทำซาลาเปาเป็นขนมไหว้ตรุษจีน สารทจีน ขอนำเสนอซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็ม สูตรนี้ไส้หมูสับใส่เห็ดหอมกับแครอท ปรุงรสเค็มเผ็ดนิดหน่อย เพิ่มไข่แดงเค็มลงไปด้วย

ส่วนผสม ไส้หมูสับไข่เค็ม
• หมูสับ 500 กรัม
• เห็ดหอมหั่นเต๋า 6-7 ดอก
• แครอทหั่นเต๋า 4-5 ช้อนโต๊ะ
• ต้นหอมซอย 5 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 3+1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันหอย 5 ช้อนโต๊ะ
• พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
• แป้งข้าวโพด 5 ช้อนโต๊ะ
• ไข่แดงเค็ม

วิธีทำไส้หมูสับไข่เค็ม
​​​​► ผสมหมูสับ เห็ดหอม แครอท และต้นหอม ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และพริกไทย ใส่แป้งข้าวโพดลงไป คนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ในตู้เย็นจนกว่าแป้งซาลาเปาจะเสร็จ หรือใครจะหมักค้างคืนก็ได้

ส่วนผสม แป้งสปันจ์
• น้ำอุ่น 200 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
• ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
• แป้งซาลาเปา 375 กรัม

วิธีทำแป้งสปันจ์
1. ใส่น้ำอุ่นในภาชนะ ตามด้วยน้ำตาลทราย ใส่ยีสต์ คนให้เข้ากันเล็กน้อย พักไว้ 5 นาที วิธีนี้เป็นการทดสอบยีสต์ด้วยว่ายังใช้งานได้ไหม ถ้าใช้ได้ยีสต์จะฟูเป็นฟอง
2. ร่อนแป้งซาลาเปา นำส่วนผสมยีสต์เทลงในแป้งซาลาเปาที่ร่อนไว้แล้ว โดยเทลงทีละนิด ค่อย ๆ ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วนวดประมาณ 5 นาที ให้แป้งไม่ติดมือ (ไม่ต้องนวดจนแป้งเนียน) แล้วนำแป้งใส่อ่าง คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารหรือหาอะไรมาปิดกันลมไว้ พักแป้งในที่อุ่น ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือรอจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า ยิ่งอากาศร้อนแป้งยิ่งขึ้นเร็ว พอใกล้ ๆ เวลาที่แป้งเชื้อจะได้ที่ก็มาทำในส่วนของแป้งโดว์

ส่วนผสม แป้งโดว์
• น้ำสะอาด 40 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• เกลือ 1 ช้อนชา
• แป้งซาลาเปา 150 กรัม
• ดับเบิ้ลผงฟู 2 ช้อนชา (หรือใช้ผงฟูธรรมดาก็ได้)

วิธีทำแป้งโดว์
1. ผสมน้ำ น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้ละลาย แล้วพักไว้
2. ร่อนแป้งซาลาเปากับผงฟู ทำหลุมตรงกลาง ค่อย ๆ เทส่วนผสมของเหลวที่ผสมไว้ลงไปในหลุมทีละนิด แล้วค่อย ๆ ตะล่อมจนแป้งมีลักษณะเป็นก้อนก็จะได้แป้งโดว์

ส่วนผสม แป้งซาลาเปา
• แป้งสปันจ์
• แป้งโดว์
• เนยขาว 25 กรัม
• น้ำมัน 50 กรัม

วิธีทำแป้งซาลาเปา
1. นำแป้งสปันจ์ที่พักเสร็จแล้วมาผสมกับแป้งโดว์ ลักษณะของแป้งสปันจ์ที่หมักไว้จะเป็นใยหยาบ ๆ ใส่เนยขาวกับน้ำมัน นวดจนแป้งเนียน ประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่แรงนวด เอาให้แป้งเนียนไม่ต้องให้ขึ้นฟิล์มเหมือนขนมปัง (ใครมีเครื่องผสมแป้งก็ใช้ได้เลย)
2. พอนวดจนเนียนดีแล้ว ใส่ลงในอ่างผสม คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักแป้งอีกประมาณ 30-60 นาทีจนแป้งขึ้นฟูเป็น 2 เท่า ชกไล่ลมออกจากแป้ง แล้วเอามาแบ่งเป็นก้อนเท่า ๆ กันตามขนาดที่ต้องการ (แบ่ง 40 กรัมต่อลูก) นำก้อนแป้งเรียงใส่ถาด คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วพักแป้งอีก 10 นาที
3. พอครบเวลาแล้วก็นำแป้งมารีดเป็นแผ่นกลมไม่ต้องบางมาก ใส่ไส้หมูสับกับไข่เค็มที่เตรียมไว้ ห่อให้สวยงาม วางลงบนกระดาษรองซาลาเปา แล้วพักอีก 10 นาทีก่อนค่อยเอาไปนึ่ง โดยนึ่งประมาณ 9-10 นาที ไม่ต้องนึ่งนาน ใส่น้ำส้มสายชูลงในน้ำที่ใช้นึ่งด้วย เพราะจะช่วยให้ซาลาเปาขาว นำซาลาเปาพักบนตะแกรง หรือจัดเสิร์ฟกินร้อน ๆ ได้เลย
4. ถ้ากินไม่หมดสามารถเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้ประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าห่ออย่างดี นำใส่ช่องแช่แข็งเก็บไว้ได้เป็นเดือน พอจะกินก็เอามาเข้าไมโครเวฟสัก 30 วินาที แป้งซาลาเปาก็ยังนุ่มเหมือนเดิม

ดูวิธีทำ ซาลาเปา อื่น ๆ เพิ่มเติมคลิก

10. หมั่นโถว

สูตรจาก ครัวป้ามารายห์

สำหรับคนไม่ชอบซาลาเปามีไส้ก็ลองทำหมั่นโถวเป็นขนมวันไหว้ได้นะคะ ความพิเศษคือเป็นหมั่นโถวแป้งสองสีคือสีขาวกับสีโกโก้ หั่นเป็นชิ้นพอคำเอาไปนึ่งจนสุก กินกับสังขยาก็อร่อยนะคะ

ส่วนผสม หมั่นโถว (ประมาณ 10 ลูก)
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• นมสด หรือนมจืด 280 กรัม
• แป้งซาลาเปา (แป้งบัวแดง) 450 กรัม
• ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
• แป้งข้าวโพด 30 กรัม
• ยีสต์ 5 กรัม
• เนยขาว 25 กรัม
• ผงโกโก้ 10 กรัม เพิ่มน้ำ 1+1/2 ช้อนชา
• กระดาษรองซาลาเปา

วิธีทำหมั่นโถวทูโทน
1. ผสมน้ำตาลทรายกับเกลือลงไปในนม แล้วคนให้ละลายเข้ากัน ใส่แป้งซาลาเปาที่ร่อนพร้อมผงฟู แป้งข้าวโพด และยีสต์ลงไปในโถผสม ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน
2. เทนมที่ผสมพักไว้ลงไป ตีให้เข้ากัน แล้วเติมเนยขาวลงไป ตีแค่พอเข้ากัน เนื้อที่ได้จะไม่เนียนมาก เพราะเดี๋ยวจะนำแป้งมานวดมือต่ออีกที แบ่งแป้งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน นำส่วนแรกมานวดด้วยมือจนเนื้อเนียน แล้วพักไว้ 10 นาที ใช้ผ้าหมาด ๆ คลุมไว้ก็ได้
3. นำแป้งอีกส่วนมานวด เติมผงโก้โก้และนำลงไป นวดจนเนื้อเนียน แล้วพักแป้งไว้ 10 นาที พอพักแป้งเสร็จแล้ว นำแป้งมาคลึงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 22x50 เซนติเมตร ความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตร
4. ทาน้ำแค่พอหมาด ๆ บนแป้งแผ่นสีขาวเพื่อให้แป้งเกิดความเหนียว แล้วนำแป้งโกโก้มาวางทับลงไปให้พอดี รีดให้แป้งทั้ง 2 แผ่นติดกันเรียบและแน่นขึ้น เวลานำไปนึ่งแป้งจะได้ไม่แตกทำให้ลายหลุดออกจากกัน
5. ทาน้ำบนแป้งโกโก้แล้วม้วนตามภาพ หลังจากนั้นก็คลึงให้แน่น พักแป้งไว้อีก 10 นาที ตัดแป้งให้ได้ความยาว 5 เซนติเมตร แล้วรองบนกระดาษไข จะได้หมั่นโถวประมาณ 10 ชิ้น พักแป้งในที่อุ่นประมาณ 30 นาที -1 ชั่วโมง หรือจนแป้งฟูขึ้นมาประมาณ 1.5-2 เท่า แล้วนำไปนึ่งไฟกลาง ๆ ประมาณ 15-18 นาที

หมายเหตุ : หมั่นโถวสำคัญตรงตอนนวดกับตอนหมักแป้งให้ขึ้นฟูเป็น 1.5-2 เท่า ถ้าขึ้นฟูไม่ได้ที่ อบแล้วแป้งอาจจะแน่นไป

ดูวิธีทำ หมั่นโถว เพิ่มเติมคลิก

11. ขนมกุยช่าย

คุณอุบลธชาติ

เกิดมาลองทำสักครั้งดีไหมกับเมนูขนมกุยช่าย แป้งกุยช่ายใส่สีตามชอบ จับจีบเป็นรูปดอกไม้หรือปั้นเป็นก้อนกลมก็ได้ มาพร้อมกับวิธีทำไส้ผักและไส้เผือก

ส่วนผสม ไส้ผัก
• ใบกุยช่า

  

Back to Top