แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักของ แอนดริว โกลด์บลาตต์ หนุ่มชาวอเมริกันที่สูญเสียคุณพ่อไปเมื่อตอนอายุ 15 ปี และทำให้เขาตกอยู่ในภาวะซึมเศ้รา เลิกเล่นอเมริกันฟุตบอล เอาแต่นอนอยู่บนเตียงและกินตลอดทั้งวัน แทบไม่เคลื่อนไหวหรือพูดคุยกับใครเลย ช่วงนั้นร่างกายของ แอนดริว ได้รับเกือบ 10,000 แคลอรีต่อวัน ภายใน 5 ปี น้ำหนักตัวของเขาเพิ่มขึ้นถึง 90 กิโลกรัม จนไปแตะที่ 245 กิโลกรัม และเกิดล้มป่วยหนัก
จุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อ แอนดริว โกลด์บลาตต์ มีอาการชักในห้องนอน ทีมแพทย์ได้รีบบุกเข้าไปช่วย แต่เนื่องจากขนาดตัวและน้ำหนักของเขา ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายด้วยเปลหามได้ ทีมงานจึงพิจารณาเจาะทะลุด้านข้างของบ้าน และใช้รถยกพาเขาออกมา ซึ่งหลังจากเหตุการณ์วันนั้น แอนดริว ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ในตอนแรกมันยากมาก ! ด้วยน้ำหนักตัวกว่า 245 กิโลกรัม สร้างปัญหาให้ แอนดริว ไม่สามารถเคลื่อนไหว-ออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ จึงเริ่มต้นด้วยการเดินก่อน 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) ต่อวัน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 35 นาที พร้อมหันมาโฟกัสที่อาหารการกิน โดยเขาจะคำนวนแม็คโคร (Macros) และแคลอรีตลอดทุกครั้งที่กิน สักพัก แอนดริว รู้สึกเบื่อการเดิน จึงหันหน้าเข้ายิม ลองยกน้ำหนักแล้วเกิดตกหลุมรักมันทันที...
ต้องบอกว่า แอนดริว โกลด์บลาตต์ ไม่ได้เดินตามแผนเป๊ะไปหมดซะทุกอย่าง เขาแค่พยายามค้นหาสิ่งที่ใช่และใช้ได้ผลจริง ๆ จนถึงตอนนี้ แอนดริว ได้พบแล้วว่าวิธีที่เหมาะสมกับเขาที่สุดคือ “ก้าวช้า ๆ อย่างมั่นคง จนไปถึงเป้าหมาย”
ผ่านมา 5 ปี อดีตหนุ่มอ้วนสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 100 กิโลกรัม จนเหลือแค่ 145 กิโลกรัมเท่านั้น พร้อมบอกลาเสื้อไซส์ 5XL เปลี่ยนกลับมาใส่ XL ได้แล้ว และเอวของเขาหดจากเดิม 74 นิ้ว ลดเหลือ 44 นิ้ว เรียกว่าหายไปเยอะมาก ตัวแอนดริวเองไม่เคยมีความมั่นใจแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เขามีความมั่นใจ และสบายใจมากที่ได้กลายเป็นคนใหม่
แอนดริว โกลด์บลาตต์ เปรียบเทียบการพัฒนาของเขาเหมือนกับลูกบอลหิมะ (Snowball) ที่กำลังกลิ้งลงจากภูเขา แล้วค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นก้อนหิมะขนาดยักษ์ “ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงข้ามคืน วันนี้ความพยายามอย่างหนักได้ตอบแทนผมแล้ว” แอนดริว โกลด์บลาตต์ กล่าว
หลังจากนี้ แอนดริว อยากเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ “คุณเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยตัวเองได้ คนเดียวที่สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ คือ คุณ”
ภาพจาก : Instagram goldblatt_a
ข้อมูลจาก : menshealth.com, msn.com