|
|||||||||||||||||
|
|
||||||||||||||||
YGMM “เสือ” 2 ตัว ในถ้ำเดียวกัน
2021-05-29
YGMM “เสือ” 2 ตัว ในถ้ำเดียวกันน่าจะเรียกว่าเป็นประเด็นที่ต่อเนื่องมาจากฉบับที่แล้ว !!!
ที่ได้เกริ่นนำร่องถึงการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับเอเชีย อย่างค่าย avex ประเทศญี่ปุ่น เป็น “นายทุน” ว่าจ้างผู้ผลิต คอนเมนต์ไทยให้ผลิตซิรี่ส์วาย เพื่อออกอากาศทั้งในไทย และที่ญี่ปุ่น และอาจจะหมายรวมถึงประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย
พอมาต้นสัปดาห์นี้ ก็มีข่าวใหญ่ระดับ Big News กับการจับมือลงทุนข้ามชาติ ระหว่าง....
YG Entertainment 1 ใน 4 Big 4 แห่งวงการเพลง K-Pop
ต้นสังกัดของเกิร์ลกรุ๊ปผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกอย่าง BLACKPINK รวมถึงบอยแบนด์ดังๆ อย่าง TREASURE และ iKON
กับ... Gmm Grammy บริษัทผลิตสื่อบันเทิงครบวงจรยักษ์ใหญ่ฝั่งไทย ที่มีทั้งค่ายเพลงย่อยๆ อย่าง Genie records, Gene Lab, White Music หรือ Grammy Gold เป็นเจ้าของสัมปานช่องทีวีดิจิทัล อีก 2 ช่อง รวมถึงบริษัทผลิตภาพยนตร์ และคลื่นวิทยุ
ภายใต้ชื่อ YGMM (วายจีเอ็มเอ็ม) ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท
โดยสัดส่วนการถือหุ้นร่วม คือ Gmm Grammy ถืออยู่ 51% และอีก 49 % เป็นของ YG
ทั้งนี้ทั้งนั้น การจับมือร่วมทุนกันในครั้งนี้ ก็มีจุดประสงค์เพื่อประกอบกิจการธุรกิจด้านบันเทิงทุกชนิด และให้คําปรึกษา เช่น จัดคอนเสิร์ต ละครเวที การเเสดงต่างๆ โดยคณะกรรมการ ประกอบด้วยกรรมการ 6 คน แบ่งเป็น GMM Grammy 3 คน และ YG Entertainment อีก 3 คน
ถ้ามองตามหลักการและเหตุผล จากกรณีของ avex มาสู่ YGMM สะท้อนให้เห็นว่า คอนเทนต์ไทยเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดเอเซีย
ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ในหมวดซิรี่ส์ก็ดี โดยเฉพาะซิรี่ส์แนววาย ที่โด่งดังมากในขณะนี้
หรือแม้กระทั่งโมเดลของการปั้นศิลปิน ที่มีต้นแบบความสำเร็จมาจาก “ลิซ่า BLACKPINK”
แต่การจะเฟ้นหา “ช้างเผือก” อย่าง “ลิซ่า” ที่กลายเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่ และเป็นตัวทำเงินให้กับ YG นั้น ไม่ใช่ว่าจะควานหากันได้ง่ายๆ
ณ ปัจจุบัน “ลิซ่า” จึงยังครองตำแหน่งเด็กไทยคนแรก และคนเดียวที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินของค่าย YG
แต่กว่าจะได้ “ลิซ่า” ไปเป็นศิลปินในสังกัดนั้น เริ่มจากการที่เธอส่งคลิปไปร่วมออดิชั่นที่ YG ก่อนจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปินฝึกหัดของค่ายในปี 2011 และเริ่มมีผลงานการแสดงมิวสิกวิดีโอให้กับศิลปินรุ่นพี่ในสังกัด อย่าง “แทยัง” วง Big Bang ในเพลง Ringa Linga
จน 6 ปี ผ่านไป ถึงจะได้เดบิวต์ผลงานเพลงของตัวเองในฐานะสมาชิกวง “BLACKPINK”
นั่นหมายถึงว่า ตลอดระยะเวลา 6 ปี YG ต้องลงทุนในเรื่องของการเทรน การกินการอยู่ การใช้ชีวิตที่เกาหลี แม้ว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ จะถูกนำมาหักลบกลบหนี้กับรายได้หลังจากที่ศิลปินเดบิวต์ไปแล้วก็ตาม
จะดีกว่ามั้ย !!!???
ถ้าสามารถผลักภาระดังกล่าวให้เป็นหน้าที่ของ GMM GRAMMY
ขยายความก็คือ GMM รับหน้าที่ในการคัดเลือกและพัฒนาความสามารถของเด็ก ที่มองแล้วว่ามีแนวโน้ม และมีโอกาสที่จะเจริญตามรอย “ลิซ่า”
โดยกระบวนการและขั้นตอนการเทรนทั้งหมดทั้งมวล ก็คือดำเนินการอยู่ในเมืองไทย จะ “ส่งออก” ไปที่เกาหลี ก็คือพร้อมที่จะเดบิวต์ได้เลย
เท่ากับฝั่ง YG ก็ตัดค่าใช้จ่ายในส่วนของการเทรน และชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กไทยในช่วงที่ยังไม่พร้อมที่จะเดบิวต์ไปได้นั่นเอง !!!
ขณะที่มองทางฝั่ง GMM นอกจากจะเก็บเกี่ยวความสำเร็จจากการ “ส่งออก” ศิลปินเพื่อไปมีผลงานที่ค่าย YG แล้ว ยังจะได้ผลประโยชน์ในกรณี “นำเข้า” คอนเทนต์ต่างๆ จากฝั่งเกาหลีเข้ามาที่บ้านเราได้อีกด้วย
ลองหลับตานึกภาพว่า ถ้า GMM
เรียกว่ารับทรัพย์กันไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียว
แต่ทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ !!!???
ที่ยกตัวอย่างมานี่คือกรณีที่การดำเนินการเป็นไปได้ตามที่วางแผน การจัดการเรื่องผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างสวยงามตามที่คิด
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองยักษ์ใหญ่จะผนึกกำลังกันข้ามประเทศ
ก่อนหน้านี้ SM Entertainment ก็เคยใช้โมเดลนี้มาก่อน โดยการลงทุนร่วมกับ บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด จัดตั้งเป็นบริษัท SM True (เอสเอ็ม ทรู) ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น True 51 % และ SM 49 % โดยเป้าหมายก็คือการ ”นำเข้า” คอนเสิร์ตจากเกาหลีเข้ามาในไทย 3-4 ครั้งต่อปี แต่ยังไม่ทันไร ก็กลายเป็นเรื่องดรามา โดยจุดเริ่มต้นมาจากคอนเสิร์ตของวงบอยแบนด์ Super Junior ที่จะมาจัดที่เมืองไทยในชื่อ SUPER JUNIOR WORLD TOUR – SUPER SHOW 8 : INFINITE TIME’ in BANGKOK ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เงื่อนไขไม่เป็นไปตามข้อตกลง
จนแฮชแท็ก #smtrueโกงบัตรคอน ติดเทรนด์ไทย และมีการทวิตแท็กนี้ถึงสองแสนกว่าข้อความ
และในเวลาต่อมาชื่อของ SM True ก็เลือนหายไปจากความทรงจำ จนหลายคนลืมไปแล้วว่าเคยมีบริษัทนี้ในเมืองไทย
หวังว่า YGMM คงไม่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ และปิดไปอย่างเงียบๆ แบบนี้ !!!???
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ /29 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2564
เครดิต : manager ออนไลน์